ความเรียงเกี่ยวกับภาพยนต์:Batman Begins
Batman Begins-ฮีโร่ธรรมดาๆ...
สารภาพตามตรงว่า...แรกทีเดียว Batman Begins ไม่อยู่ในรายชื่อหนังที่ผมจะเขียนถึง แต่เมื่อเปิดดูได้เพียง 49 นาที ผมก็จำต้องกดปุ่ม Pause หยุดจินตนาการตรงหน้าไว้ก่อนทั้งที่กำลังสนุก นั่นเป็นเพราะผมเกรงว่าตัวเองจะลืมประเด็นสำคัญต่างๆ ที่อยากกล่าวถึง
แรงจูงใจที่กระตุ้นผมให้เขียนถึง Batman ภาคนี้ มีอยู่หลายประการด้วยกัน กล่าวคือ ความประณีตของบทภาพยนตร์ที่ทีมผู้สร้างให้ความสำคัญ ความสมบูรณ์ของรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญ ที่ช่วยขจัดข้อสงสัยในใจที่มีอยู่เดิมจากการชม Batman ภาคก่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น ทำไมต้องเป็นแบทแมนด้วย หากบรูซแค้นเคืองในตัวฆาตกรผู้สังหารบุพการีของเขาจริง หรืออดรนทนไม่ไหวกับอาชญากรรมที่แฝงอยู่ทุกหย่อมหญ้าในก็อธแธม เมืองอันเป็นที่รักของพ่อเขา ด้วยอำนาจและบารมีที่มีอยู่ บรูซจะลุกขึ้นมาต่อกรกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวของเขาเองก็ย่อมได้ แต่ทำไมต้องซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากค้างคาว...
“เพราะผมอาจจะกลายเป็นคนที่มีศัตรูมากมาย สักวันหนึ่งใครบางคนอาจพยายามฆ่าผม และผมอาจจะตายได้...แต่สัญลักษณ์ไม่มีวันตาย...ต้องเป็นบางสิ่ง...บางสิ่งที่พื้นๆ”
คำตอบของเขาน่าสนใจครับ...ดูอย่างอัลเบิร์ต ไอสไตน์นั่นประไร ตายจนไปเกิดใหม่กี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้ แต่ทุกวันนี้ ใบหน้ากับหัวฟูๆ ของเขา ก็ยังคงเป็นโลโก้ของอะไรต่อมิอะไรอีกตั้งหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของความฉลาดหลักแหลม จีเนียสโคตรๆ! ว่างั้นเถอะ...หรือไม่จริง
แล้วทำไมต้องเป็นค้างคาว เป็น Batman ด้วยล่ะ ทำไมไม่เป็นมด เป็น Antman หรือเป็นหนู เป็น Ratman ก็เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับปมในวัยเด็กของเขาน่ะสิ...ยามบ่ายวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่บรูซยังเป็นเด็กๆ ขณะเขากำลังวิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ในสวนกับเพื่อนสาวตัวน้อยนั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็พลัดตกลงไปในถ้ำลึกลับ จนเป็นเหตุให้ถูกฝูงค้างคาวเจ้าถิ่นทำร้ายเอาเล็กน้อย ซึ่งกลายเป็นปฐมบทแห่งความกลัวภายในจิตใจของเขาในเวลาต่อมา...ทีนี้คงรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่า ทำไมเขาจึงตั้งชื่อหนังเรื่องนี้ว่า “Batman Begins”
แน่นอน Batman Begins มีส่วนผสมของความเป็นหนังดราม่าอยู่สูง และสิ่งนี้นั่นเอง ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของซูเปอร์ฮีโร่คนเก่าๆ ที่เคยลอยอยู่สูง ห่างไกลความเป็นจริง ถูกดึงลงมาให้ต่ำลงจนเราสัมผัสได้ ความเป็นปุถุชนที่ถูกเติมเข้าไปในรายละเอียดของ บรูซ เวย์น อย่าง “ความกลัว” ทำให้แบทแมนมีความใกล้เคียงกับคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ มากยิ่งขึ้น (แม้เขาจะยังคงหล่อบาดใจสาวและรวยล้นฟ้าก็เถอะ) ต่างจากภาคก่อนๆ ที่มักจะโฟกัสไปที่ปมทางจิตอย่าง “ความแค้น” (ที่มีต่ออาชญากร-อาชญากรรมที่ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตาย) เพียงอย่างเดียว
นอกจากกล่าวถึงความกลัวในจิตใจของซูเปอร์ฮีโร่แล้ว (มีอย่างที่ไหนเป็นถึง Batman แต่กลับ(เคย)กลัวค้างคาวตัวเล็กๆ) หนังยังสอดแทรกปรัชญาไว้ให้ขบเล่น หากเราละเมียดละไมพอ เช่น การขจัดความกลัวในสิ่งใด แท้แล้วมีแต่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอย่างกล้าหาญเท่านั้น หรือ การแสวงหาคำตอบ(ปัญญา)ที่แท้ ล้วนมาจาก “ด้านใน” มิใช่ภายนอก...
สิ่งที่ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ปฏิวัติ (อีกครั้ง) ใน Batman Begins คือการฉีกกฎและลบมุมมองเดิมๆ ที่เราเคยมีต่อซูเปอร์ฮีโร่ ว่าจะต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ สมบูรณ์แบบ 24 ช.ม. ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ในทางตรงข้าม ซูเปอร์ฮีโร่ก็อ่อนแอได้ ร้องไห้เป็นเหมือนกัน...แม้ในความเป็นจริง หากนึกถึงแบทแมนอันหม่นเศร้าของ ทิม เบอร์ตั้น แล้ว เขาจะไม่ใช่คนแรกที่ทำอย่างนั้นก็เถอะ
แต่อย่างน้อยที่สุด เท่าที่จำความได้...ผมก็ยังไม่เคยเห็นภาพของเมืองก็อธแธมในความสว่างมาก่อนเลยจริงๆ.
.................................................
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
สารภาพตามตรงว่า...แรกทีเดียว Batman Begins ไม่อยู่ในรายชื่อหนังที่ผมจะเขียนถึง แต่เมื่อเปิดดูได้เพียง 49 นาที ผมก็จำต้องกดปุ่ม Pause หยุดจินตนาการตรงหน้าไว้ก่อนทั้งที่กำลังสนุก นั่นเป็นเพราะผมเกรงว่าตัวเองจะลืมประเด็นสำคัญต่างๆ ที่อยากกล่าวถึง
แรงจูงใจที่กระตุ้นผมให้เขียนถึง Batman ภาคนี้ มีอยู่หลายประการด้วยกัน กล่าวคือ ความประณีตของบทภาพยนตร์ที่ทีมผู้สร้างให้ความสำคัญ ความสมบูรณ์ของรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญ ที่ช่วยขจัดข้อสงสัยในใจที่มีอยู่เดิมจากการชม Batman ภาคก่อนๆ ยกตัวอย่างเช่น ทำไมต้องเป็นแบทแมนด้วย หากบรูซแค้นเคืองในตัวฆาตกรผู้สังหารบุพการีของเขาจริง หรืออดรนทนไม่ไหวกับอาชญากรรมที่แฝงอยู่ทุกหย่อมหญ้าในก็อธแธม เมืองอันเป็นที่รักของพ่อเขา ด้วยอำนาจและบารมีที่มีอยู่ บรูซจะลุกขึ้นมาต่อกรกับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวของเขาเองก็ย่อมได้ แต่ทำไมต้องซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากค้างคาว...
“เพราะผมอาจจะกลายเป็นคนที่มีศัตรูมากมาย สักวันหนึ่งใครบางคนอาจพยายามฆ่าผม และผมอาจจะตายได้...แต่สัญลักษณ์ไม่มีวันตาย...ต้องเป็นบางสิ่ง...บางสิ่งที่พื้นๆ”
คำตอบของเขาน่าสนใจครับ...ดูอย่างอัลเบิร์ต ไอสไตน์นั่นประไร ตายจนไปเกิดใหม่กี่ภพกี่ชาติแล้วก็ไม่รู้ แต่ทุกวันนี้ ใบหน้ากับหัวฟูๆ ของเขา ก็ยังคงเป็นโลโก้ของอะไรต่อมิอะไรอีกตั้งหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสัญลักษณ์ของความฉลาดหลักแหลม จีเนียสโคตรๆ! ว่างั้นเถอะ...หรือไม่จริง
แล้วทำไมต้องเป็นค้างคาว เป็น Batman ด้วยล่ะ ทำไมไม่เป็นมด เป็น Antman หรือเป็นหนู เป็น Ratman ก็เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับปมในวัยเด็กของเขาน่ะสิ...ยามบ่ายวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่บรูซยังเป็นเด็กๆ ขณะเขากำลังวิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลินอยู่ในสวนกับเพื่อนสาวตัวน้อยนั่นเอง ทันใดนั้นเขาก็พลัดตกลงไปในถ้ำลึกลับ จนเป็นเหตุให้ถูกฝูงค้างคาวเจ้าถิ่นทำร้ายเอาเล็กน้อย ซึ่งกลายเป็นปฐมบทแห่งความกลัวภายในจิตใจของเขาในเวลาต่อมา...ทีนี้คงรู้กันแล้วใช่ไหมครับว่า ทำไมเขาจึงตั้งชื่อหนังเรื่องนี้ว่า “Batman Begins”
แน่นอน Batman Begins มีส่วนผสมของความเป็นหนังดราม่าอยู่สูง และสิ่งนี้นั่นเอง ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของซูเปอร์ฮีโร่คนเก่าๆ ที่เคยลอยอยู่สูง ห่างไกลความเป็นจริง ถูกดึงลงมาให้ต่ำลงจนเราสัมผัสได้ ความเป็นปุถุชนที่ถูกเติมเข้าไปในรายละเอียดของ บรูซ เวย์น อย่าง “ความกลัว” ทำให้แบทแมนมีความใกล้เคียงกับคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ มากยิ่งขึ้น (แม้เขาจะยังคงหล่อบาดใจสาวและรวยล้นฟ้าก็เถอะ) ต่างจากภาคก่อนๆ ที่มักจะโฟกัสไปที่ปมทางจิตอย่าง “ความแค้น” (ที่มีต่ออาชญากร-อาชญากรรมที่ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตาย) เพียงอย่างเดียว
นอกจากกล่าวถึงความกลัวในจิตใจของซูเปอร์ฮีโร่แล้ว (มีอย่างที่ไหนเป็นถึง Batman แต่กลับ(เคย)กลัวค้างคาวตัวเล็กๆ) หนังยังสอดแทรกปรัชญาไว้ให้ขบเล่น หากเราละเมียดละไมพอ เช่น การขจัดความกลัวในสิ่งใด แท้แล้วมีแต่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอย่างกล้าหาญเท่านั้น หรือ การแสวงหาคำตอบ(ปัญญา)ที่แท้ ล้วนมาจาก “ด้านใน” มิใช่ภายนอก...
สิ่งที่ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงอย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ปฏิวัติ (อีกครั้ง) ใน Batman Begins คือการฉีกกฎและลบมุมมองเดิมๆ ที่เราเคยมีต่อซูเปอร์ฮีโร่ ว่าจะต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ สมบูรณ์แบบ 24 ช.ม. ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ในทางตรงข้าม ซูเปอร์ฮีโร่ก็อ่อนแอได้ ร้องไห้เป็นเหมือนกัน...แม้ในความเป็นจริง หากนึกถึงแบทแมนอันหม่นเศร้าของ ทิม เบอร์ตั้น แล้ว เขาจะไม่ใช่คนแรกที่ทำอย่างนั้นก็เถอะ
แต่อย่างน้อยที่สุด เท่าที่จำความได้...ผมก็ยังไม่เคยเห็นภาพของเมืองก็อธแธมในความสว่างมาก่อนเลยจริงๆ.
.................................................
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
<< หน้าแรก