บทกวี : รูปสลัก
รูปสลัก
1
มันไม่สำคัญหรอกว่า
ใครบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา
จะประสงค์ให้เธอ
เป็นบททดสอบของฉันหรือไม่
มันไม่สำคัญหรอกว่า
ชะตากรรมของเรานั้น
อาจเป็นเพียงเส้นบางๆ
ซึ่งลากมาตัดกัน ณ กาลและสถานหนึ่ง
หากมันสำคัญที่ว่าในวันนี้
เรามีกัน...
เรารักกัน...
เราจึงอดทนเพื่อเรียนรู้กันและกัน...
2
และด้วยความไม่เดียงสาของเธอเอง
ที่กระชากวิญญาณขบถให้หยุดบิน
ดิ่งสู่ห้วงเหวแห่งการสารภาพ
ณ ที่แห่งนั้น...
ทารกขี้เซาแห่งบรรพกาล
ถูกปลุกให้ฟื้นจากนิทราอนันต์
เขาจดจ้องฉันอย่างสำรวจตรวจสอบ
ผ่านตาดวงที่สามซึ่งเคยมืดบอด
วินาทีนั้น...ฉันจึงตระหนัก
ฉันคนที่หลับคือคนที่ตื่น
ฉันคนที่ตื่นคือคนที่หลับ
แล้วฉันคนที่หลับจึงได้ตื่น!
3
ด้วยความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
ที่ทุบทำลายมายาแห่งการตรัสรู้อันตื้นเขิน
นิยามรักแบบเดิมถูกทบทวนอีกครั้งและอีกครั้ง
และในวินาทีนั้น...เมล็ดพันธุ์จึงหยั่งราก
ฉันเข้าใจแล้วว่าเหตุใด “รักแท้คือการให้”
เพราะการเสียสละ ดุจเดินปิดตาฝ่าพงหนาม
ละอัตตา-ศักดิ์ศรี-สิ่งจอมปลอม และยอมรับข้อจำกัด
มีแต่รักแท้เท่านั้นที่ยอมน้อมกายต่ำจนละเลี่ยดิน
แท้จริงแล้ว เราต่างเป็นกระดาษทราย
เป็นรูปสลักของกันและกัน
ผลัดกันขัดเกลา ลบเสี้ยนหนามและเหลี่ยมมุม
เพื่อข้ามพ้นขวากหนามสู่การเติบใหญ่ภายใน
4
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้อง “ขอบคุณ”
ใน “ความไม่รู้” เธอทำให้ฉันได้ “รู้”
ฉันเฝ้าภาวนาอยู่เพียงว่า
ใน “ความไม่รู้” ของฉัน จักทำให้เธอได้ “เรียนรู้” เช่นกัน
และเมื่อนั้น...
ด้วยมืออันหยาบกร้านของปุถุชนเยี่ยงเรา
อาจสามารถพอจะสลักเสลาประติมากรรมสักชิ้น
ไว้เป็นตัวแทนประวัติศาสตร์แห่งรักได้บ้าง
เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้า...
วันที่เราต่างร่วงโรยวัย
เราอาจจับมือกัน มองมายังรูปสลักรูปนี้
อย่างไร้ถ้อยคำ...
....................................
(ภาพ : Anonymous ที่มา : http://photo-forum.net/res/8izlojba/madman.jpg)
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
1
มันไม่สำคัญหรอกว่า
ใครบางคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเรา
จะประสงค์ให้เธอ
เป็นบททดสอบของฉันหรือไม่
มันไม่สำคัญหรอกว่า
ชะตากรรมของเรานั้น
อาจเป็นเพียงเส้นบางๆ
ซึ่งลากมาตัดกัน ณ กาลและสถานหนึ่ง
หากมันสำคัญที่ว่าในวันนี้
เรามีกัน...
เรารักกัน...
เราจึงอดทนเพื่อเรียนรู้กันและกัน...
2
และด้วยความไม่เดียงสาของเธอเอง
ที่กระชากวิญญาณขบถให้หยุดบิน
ดิ่งสู่ห้วงเหวแห่งการสารภาพ
ณ ที่แห่งนั้น...
ทารกขี้เซาแห่งบรรพกาล
ถูกปลุกให้ฟื้นจากนิทราอนันต์
เขาจดจ้องฉันอย่างสำรวจตรวจสอบ
ผ่านตาดวงที่สามซึ่งเคยมืดบอด
วินาทีนั้น...ฉันจึงตระหนัก
ฉันคนที่หลับคือคนที่ตื่น
ฉันคนที่ตื่นคือคนที่หลับ
แล้วฉันคนที่หลับจึงได้ตื่น!
3
ด้วยความเห็นแก่ตัวของเธอเอง
ที่ทุบทำลายมายาแห่งการตรัสรู้อันตื้นเขิน
นิยามรักแบบเดิมถูกทบทวนอีกครั้งและอีกครั้ง
และในวินาทีนั้น...เมล็ดพันธุ์จึงหยั่งราก
ฉันเข้าใจแล้วว่าเหตุใด “รักแท้คือการให้”
เพราะการเสียสละ ดุจเดินปิดตาฝ่าพงหนาม
ละอัตตา-ศักดิ์ศรี-สิ่งจอมปลอม และยอมรับข้อจำกัด
มีแต่รักแท้เท่านั้นที่ยอมน้อมกายต่ำจนละเลี่ยดิน
แท้จริงแล้ว เราต่างเป็นกระดาษทราย
เป็นรูปสลักของกันและกัน
ผลัดกันขัดเกลา ลบเสี้ยนหนามและเหลี่ยมมุม
เพื่อข้ามพ้นขวากหนามสู่การเติบใหญ่ภายใน
4
ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงต้อง “ขอบคุณ”
ใน “ความไม่รู้” เธอทำให้ฉันได้ “รู้”
ฉันเฝ้าภาวนาอยู่เพียงว่า
ใน “ความไม่รู้” ของฉัน จักทำให้เธอได้ “เรียนรู้” เช่นกัน
และเมื่อนั้น...
ด้วยมืออันหยาบกร้านของปุถุชนเยี่ยงเรา
อาจสามารถพอจะสลักเสลาประติมากรรมสักชิ้น
ไว้เป็นตัวแทนประวัติศาสตร์แห่งรักได้บ้าง
เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้า...
วันที่เราต่างร่วงโรยวัย
เราอาจจับมือกัน มองมายังรูปสลักรูปนี้
อย่างไร้ถ้อยคำ...
....................................
(ภาพ : Anonymous ที่มา : http://photo-forum.net/res/8izlojba/madman.jpg)
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
2 ความคิดเห็น:
ชอบ
มากๆ
ขอบคุณครับ
จุ๊บๆ
แสดงความคิดเห็น
<< หน้าแรก