ชาติวุฒิ บุณยรักษ์

Chartvut Bunyarak, a man who fall in love with short story.

วันอาทิตย์, ตุลาคม ๐๑, ๒๕๔๙

เรื่องสั้น : ทาส

ทาส...

ตาน้ำเล็กๆ นับล้านทยอยผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันค่อยๆ แทรกซึมจากเนื้อในสู่ผิวหนังด้านนอก ก่อเกิดเป็นธารน้ำสายเล็กๆ อันชื้นแฉะอยู่กลางฝ่ามือของนพรุจ และส่งผลให้ธนบัตรใบแดงเก่าคร่ำยับยู่ยี่สองสามฉบับที่เขากำไว้ในมือแน่น เปียกชุ่มไปโดยปริยาย...

เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบสองชั่วโมง...ที่เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า บริเวณปากทางเข้าตลาดสดแห่งนี้ โดยถัวเฉลี่ยทุกๆ ครึ่งชั่วโมง นพรุจจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตู้กระจกขนาดเล็กสำหรับโชว์สินค้า ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าร้าน เขาจะทำทีเป็นก้มๆ เงยๆ สำรวจดูสิ่งของที่วางเรียงเป็นระเบียบอยู่ในตู้ทั้งสามชั้น แล้วเอ่ยถามข้อมูลเบื้องต้นกับพนักงานขายไปอย่างนั้นเอง เพราะสิ่งที่หมายตาวางอยู่ด้านบนสุดพร้อมปะราคาตัวใหญ่มองเห็นเด่นชัดแบบไม่ต้องสังเกต ก่อนจะเดินหลบฉากออกมาตั้งหลักอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้นนัก


เขาจะควักบุหรี่ขึ้นจุดสูบ ระบายควันออกจมูกเป็นทางยาวอย่างฉุนเฉียวเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ บ่นพึมพำอะไรคนเดียว สลับกับเหลียวมองไปทางหน้าร้านเป็นระยะๆ แล้วลอบถอนหายใจอย่างปลดปลงกับตัวเองเบาๆ บางครั้งเขาเหม่อมองไปทางตู้โชว์นั้นอย่างลืมตัว ทอดสายตาแช่อยู่อย่างนั้นนิ่งนาน ขณะกำลังจมดิ่งลึกลงสู่ภายในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเอง เมื่อมีเสียงรบกวนบางอย่าง เช่น แตรรถ กระตุ้นให้เขารู้สึกตัวตื่น เขาจะรีบเบือนหน้าหลบไปทางอื่นโดยพลัน เหมือนดั่งกลัวว่าจะมีใครจับได้ไล่ทัน ล่วงรู้ความคิดอ่านของเขาอย่างนั้น...

และด้วยเหตุแห่งพฤติกรรมประหลาดเยี่ยงนี้เอง ที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งนั้น...ลูกจ้างสองสามคนเริ่มจับกลุ่มซุบซิบอะไรบางอย่างแก่กัน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเดินแยกตัวออกไป เพื่อกระซิบอะไรอีกอย่างหนึ่งกับเจ้าของร้านอีกต่อหนึ่ง แล้วจากนั้น...ทั้งหมดต่างก็พร้อมใจกันมองกลับมาที่เขาอย่างจับจ้องเป็นตาเดียว เขา...ผู้ซึ่งกำลังสนทนากับตัวเองอย่างสับสน โต้เถียงกับตัวตนภายในอย่างไม่ยอมลดราวาศอก เหตุผลมากมายถูกขุดค้นขึ้นมาตีโต้ความจำเป็นที่อีกฝ่ายยกมากล่าวอ้าง...

“ไหนแกว่าจะไม่ยอมตกเป็นทาสของมันอีกไง...แกเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเขวี้ยงมันทิ้งไปนอกหน้าต่างเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วสบถสาบานกับตัวเองว่าชาตินี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีก...แล้วนี่อะไรกัน แกมาทำไมที่นี่ มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้!”
“ก็...มันจำเป็น...ใครๆ เขาก็มี ใครๆ เขาก็ใช้กัน มันสะดวกนี่ ไม่ต้องลุกเดินจากเตียงกลับไปกลับมา เสียเวลาเปล่าๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาทำกันแล้ว”
“ถุย!...เสียเวลา...พูดมาได้ คิดได้ยังไงวะ เอาตาตุ่มข้างไหนคิดกันเนี่ย มันจะเสียเวลาสักแค่ไหนกันเชียวกับเรื่องแค่นี้ ดีเสียอีก ได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกต่างหาก ดูซิเนี่ยอ้วนจะเป็นหมูตอนอยู่แล้ว ขี้เกียจสันหลังยาวล่ะไม่ว่า ยอมรับมาตรงๆ เถอะ...อย่าเฉไฉหาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาสมอ้างต่อไปอีกเลย อย่างกับทุกวันนี้ใช้เวลาอย่างรู้คุณค่านักนี่ วันหยุดก็ไม่เห็นจะทำอะไรนอกจากนอนจ้องไอ้ตัวกินไฟสองสามอันนั่น...แล้วก็ตกเป็นทาสของมัน”
“พูดอย่างนั้นก็เกินไป อย่างนี้คนทั้งโลกก็ตกเป็นทาสของ ‘มัน’ หมดเลยอย่างนั้นสิ”
“ก็ใช่...หรือว่าไม่จริง...ดูอย่างตัวแกเองเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนั่นสิ ไม่ใช่เพราะแกตกเป็นทาสของมันหรอกหรือ แกถึงได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วไปพาลเอากับแฟนแกนั่น ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย...นี่ไม่ใช่เป็นเพราะมันมีอิทธิพลเหนือตัวแกหรอกหรือ ไม่อย่างนั้นแล้วแกเขวี้ยงมันทิ้งไปทำไมล่ะ ไหนลองบอกหน่อยซิ”
“ก็ตอนนั้นมันโมโหนี่...”
“ไม่ต้องมีมันน่ะดีแล้ว แกจะได้เป็นไทแก่ตัวเสียที ไม่ต้องติดทีวี ได้เข้านอนแต่หัวค่ำ ตื่นเช้าๆ มีเวลาไปทำอย่างอื่นที่มีสาระยังดีกว่าอีก”
“แต่...แต่ว่า...มัน...”
“มันจำเป็นใช่ไหม...หยุดเถอะ ขอที เลิกอ้างโน่นอ้างนี่ได้แล้ว...มันไม่ได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของแกขนาดนั้นหรอก เชื่อเถอะ ไม่มีมันแกก็ไม่ตายหรอก...ไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ ไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มียารักษาโรคเวลาป่วยไข้ นั่นต่างหากถึงจะตาย...กะอีแค่แท่งสี่เหลี่ยมๆ อันเดียว แกไม่ถึงกับตายหรอกน่า...เอะอะก็ดีแต่อ้างความจำเป็น โถ่เอ๊ย! มองดูสมบัติบ้าพะรุง
พะรังรอบๆ ตัวแกทุกวันนี้สิ จะมีสักกี่อย่างกันเชียวที่เป็นความจำเป็นแท้...นอกนั้นก็เป็นเพียงความจำเป็นเทียมๆ ที่แกใช้ความเคยชินมากล่าวอ้างกับตัวเอง ว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า...หรือไม่จริง”
“แต่...แต่ว่ามัน...”

เปล่า...นพรุจไม่ได้เป็นบ้า และเขาก็ไม่ได้กำลังจะปล้นอะไรต่อมิอะไร อย่างที่พนักงานในร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าตลาดสดกำลังคิดกังวลอยู่หรอก จริงอยู่...เขาอาจจะดูเพี้ยนๆ ไปบ้างในสายตาของคนทั่วไป แต่ก็ด้วยเหตุที่...เขาค่อนข้างจะเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตเกินไปสักหน่อยเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากไปกว่านั้นหรอก เขาแค่ต้องการความชัดเจนกับตัวเอง มันเป็นเรื่องของจุดยืนทางความคิดน่ะ โดยสันดานแล้ว นพรุจมักไม่ปล่อยให้ตัวเองตีความหรือประเมินค่าสิ่งต่างๆ อย่างขอไปที เขาจะคาดคั้นหาคำตอบกับตัวเองให้จงได้อยู่เสมอๆ เมื่อมีสิ่งเร้าต่างๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต เราอาจพออนุโลมเรียกเขาอย่างล้อเลียนว่า “ไอ้ชัดเจน” ไปก่อนก็ได้

ใช่...นพรุจเป็นคนชัดเจน เขามักจะมีคำตอบหรือคำอธิบายให้กับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้เสมอ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณถามเขาว่า “ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน”...อย่าหวังเลยว่าจะเห็นคิ้วเขาผูกโบว์ ก่อนตอบออกมาด้วยเสียงเนือยๆ ว่าไม่รู้หรือมันเป็นปัญหาโลกแตก...ไม่มีเสียล่ะ เขาจะตอบคุณอย่างชัดเจนและอธิบายด้วยความใจเย็นเจืออารมณ์ดี โดยเริ่มจากการหยิบยกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หรือทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตมากล่าวอ้าง แล้วสรุปให้คุณฟังอย่างชัดเจนอีกครั้ง หลังจากพร่ำพรรณนามายืดยาวว่าไก่ต้องเกิดก่อนไข่แน่นอน...นั่นล่ะคือนพรุจ

จากบุคลิกดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากคนอย่างนพรุจจะไม่ชอบคบหาสมาคมกับคนที่มีนิสัยหรือพฤติกรรมอย่างพวก มือถือสากปากถือศีลหรือพวกเทศนาในสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อ พวกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลแต่กินน้ำแกง อะไรประมาณนั้น...โชคยังดีอยู่บ้างที่นพรุจชัดเจนแต่กับตัวเอง เขาไม่นิยมการตัดสินผู้อื่น ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องของใครของมัน ที่แต่ละปัจเจกสมควรจะพิพากษาตัวเองให้เป็น และนั่นทำให้เขายังมีชีวิตรอดปลอดภัยมาได้อยู่จนทุกวันนี้ แต่หากจะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว มันคงจะดีไม่น้อยอยู่เหมือนกัน ถ้าทุกคนในสังคมจะมีคุณสมบัติอย่างที่มีอยู่ในตัวของนพรุจ สักคนละนิดคนละน้อย โลกก็คงจะเป็นที่ที่น่าอยู่มากกว่าทุกวันนี้...

สามสิบร้อน สามสิบฝน สามสิบหนาวที่ผ่านมา จะให้คนอย่างนพรุจทนอะไร เขาก็พอจะทนได้อยู่หรอก ทนกับความโหดร้ายป่าเถื่อนของเพื่อนมนุษย์ ทนกับความเบาหวิวเปล่ากลวงของชีวิต ทนกับท่าทีประนีประนอมอย่างชนชั้นกลางแบบไม้หลักปักเลน หรือกระทั่งการเข้ายึดครองประเทศของผู้นำรัฐบาลนั่นก็ยังพอทำเนา แต่จะให้คนอย่างนพรุจต้องมาทนกับความปลิ้นปล้อนกลับกลอกหลอกลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ของตัวเอง” ด้วยแล้วล่ะก็ นั่นถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด...Unacceptable!

เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดนี้ มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ็ดวันก่อน...

เย็นวันนั้นนพรุจโหนรถเมล์ฝ่าควันพิษและการจราจรอันแสนสาหัสของกรุงเทพฯ กลับมาถึงบ้านเช่าตรงตามเวลาที่กะเกณฑ์ไว้ ตามประสาคนที่ชัดเจนและมีจุดยืนทางความคิดอย่างเขา...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรืออยากจะเป็นคนดีในสายตาของคนรักแต่อย่างใด เขาถึงได้กลับบ้านเร็วในเย็นวันศุกร์ แทนที่จะไปเตร็ดเตร่ท่องราตรีดื่มกินกับเพื่อนฝูงคนสนิทเหมือนอย่างเคย...ไม่มีทางเสียล่ะ...หากแต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจากการวางแผนอย่างรอบคอบ คิดทบทวนบวกลบคูณหารชั่งหนักชั่งเบาแล้วเป็นอย่างดี...

นพรุจตระหนักดีว่ามันเป็นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ที่เงินทองสำหรับจับจ่ายใช้สอยมักจะไม่คล่องมือ การต้องไปนั่งดื่มกินพูดคุยกับเพื่อนฝูงแบบยั้งๆ มองหน้ากันและกันอย่างกริ่งเกรง จะคิดสั่งอะไรมากลั้วคอขบเคี้ยวก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เหตุที่เงินคงเหลือในกระเป๋ามันไม่เอื้ออำนวยให้ ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนั้น ไม่มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจพอจะนำมาเป็นเรื่องพูดคุยในวงเหล้า ดังนั้นเรื่องที่จะสนทนากันคงหนีไม่พ้นเรื่องเก่าๆ สมัยเป็นนักเรียน ซึ่งเขารู้สึกเบื่อเต็มที ทุกครั้งที่ได้ฟัง มันทำให้เขาสะท้อนใจว่าตัวเองนั้นเริ่มแก่แล้ว ยังไม่นับท่าทีอีหลักอีเหลื่อกับความลำบากใจ ยามต้องควักสตางค์ในกระเป๋ามาจ่ายค่าอาหารตอนสั่งเช็คบิลนั่นอีก...

คิดได้ดังนั้น นพรุจจึงไม่ลังเลที่จะรีบรุดมุดออกจากที่ทำงานในพลัน ทันทีที่นาฬิการ้องบอกเวลาห้าโมงตรง เขารู้ดีว่าหากชักช้าไปกว่านั้นแม้เพียงห้านาที มิแคล้วเขาอาจจะทนเสียงยื้อยัดทัดทานของเพื่อนๆ ไม่ได้เป็นแน่...เมื่อก้าวลงจากรถประจำทาง เดินเลียบริมฟุตปาธไปสักระยะแล้วเลี้ยวลัดเลาะเข้าริมคลอง ก่อนจะถึงปากซอยทางเข้าบ้านเช่า มีร้านขายของชำเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง นพรุจไม่ลืมที่จะหิ้วเบียร์เย็นๆ พอเป็นวุ้นสี่ห้าขวดติดมือเข้าไปด้วย เพื่อสมทบกับแก้วทรงสูงก้นหนา มีหูจับถนัดมือสองใบที่นอนรออยู่ก่อนแล้ว เขาจับมันแช่เย็นเตรียมไว้ในช่องฟรีซเมื่อเช้านี้ หนึ่งในนั้นเป็นของเขาและอีกหนึ่งนั้นย่อมเป็นของใครไปไม่ได้เลย หากไม่ใช่คนรักของเขา...

แน่นอน...มันย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน หากแต่คุณจะเชื่อหรือไม่เล่าว่า มันเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งกับการมีประจำเดือนของผู้หญิง! นพรุจจำได้ดีว่าประจำเดือนของคนรักเพิ่งหมดไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นับดูแล้วยังอยู่ในช่วงระยะปลอดภัย-หน้าเจ็ดหลังเจ็ด วันนี้เขาสามารถมีเซ็กซ์กับคนรักได้อย่างสุดเหวี่ยงทุกลีลาท่าทาง โดยไม่ต้องกังวลกับการตั้งครรภ์และไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นระหว่างเขากับคนรักเหมือนอย่างทุกๆ ที...เขารู้ดีจากการศึกษาหาอ่านบทความทางการแพทย์ ว่าในช่วงก่อนและหลังมีประจำเดือนนั้น จะเป็นช่วงที่ผู้หญิงมีความต้องการทางเพศมากที่สุด และเขายังรู้อีกด้วยว่าการจิบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้การร่วมรักนั้นมีสีสันและยืดยาวออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ...แน่นอน...ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...

...ทุกๆ อย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์และหวังไว้ นพรุจร่วมรักกับคนรักของเขาอย่างหฤหรรษ์ที่สุดในรอบสามเดือนเลยทีเดียว ทั้งเธอและเขาต่างก็ปริ่มเปรมไปด้วยความสุขแบบเหนือคำบรรยาย สังเกตได้จากลมหายใจที่หอบถี่กระชั้น กับเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวขึ้นทั่วใบหน้าและลำตัวของทั้งสองฝ่ายนั่นอีก...เรื่องทั้งหมดน่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี มันน่าจะเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ดี สำหรับหนุ่มสาววัยเริ่มต้นชีวิตคู่ได้ไม่นานอย่างพวกเขา...อะไรจะดีไปกว่าเบียร์เย็นๆ กับแกล้มอร่อยๆ ที่ถูกปาก ตบท้ายด้วยเซ็กซ์เยี่ยมๆ สักสองครั้ง กับหนังดีๆ อีกสักเรื่อง ก่อนเข้านอนอย่างที่ไม่ต้องกังวลใจกับการตื่นในเช้าวันถัดไป...ใช่...มันควรจะเป็นอย่างนั้น...

ถ้าหากเพียงแต่ว่า...นพรุจจะไม่เดินไปเข้าห้องน้ำหลังเสร็จกิจ...ด้วยความเลินเล่อ

เขาเผลอ...ถือรีโมทคอนโทรลของทีวี...ติดมือเข้าห้องน้ำไปด้วย

ขณะกำลังยืนปัสสาวะอยู่หน้าชักโครกนั้น เขาพลันรู้สึกตัวว่าถือรีโมทฯ ติดมือมาด้วย จึงวางมันไว้บนถังพักน้ำเหนือกองนิตยสาร แล้วหันมาทำธุระต่อจนเสร็จ แต่ในขณะที่เขากำลังขมิบให้สุดพร้อมเขย่าเป็นครั้งสุดท้ายนั้นเอง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาหน่วงๆ จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะอาบน้ำ เขาจึงต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นนั่งถ่ายท้องแทน...ด้วยความเคยชิน นพรุจเอี้ยวตัวไปหยิบนิตยสารเล่มบนสุดมาพลิกอ่านเพื่อฆ่าเวลา...ผ่านไปห้านาที เมื่อเขารู้สึกว่าเสร็จกิจดีแล้ว จึงวางนิตยสารกลับสู่ที่เดิมโดยไม่หันไปมอง ก่อนเอื้อมมือไปคว้าสายฉีดน้ำมาชำระล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วจึงกดชักโครก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปเพื่ออาบน้ำต่อ...แน่นอน...ถึงตอนนี้เขาลืมไปแล้วว่ารีโมทคอนโทรลของทีวีวางอยู่ตรงไหน...

เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ คนรักที่กำลังจดจ่ออยู่กับละครหลังข่าว เขาทำเป็นติดตามเรื่องราวตรงหน้าไปด้วยเพราะไม่อยากขัดใจเธอ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยนึกพิสมัยมันเลย ตั้งใจว่าจะรอจนเธอลุกไปเข้าห้องน้ำจึงจะเปลี่ยนช่องไปดูรายการที่ตัวเองชอบ สักพักหล่อนก็ลุกไปเข้าห้องน้ำจริงๆ...ถึงตอนนี้เขาเริ่มควานหารีโมทฯ ทีวีเป็นครั้งที่หนึ่งแล้ว เขาสอดส่ายสายตาหาดูบริเวณโดยรอบเตียง ใต้หมอน ใต้ผ้าห่ม แต่แน่นอนล่ะว่าเขาต้องไม่เจอ นพรุจยังไม่เอะใจหรอกว่ามันหายไปไหน ขณะเดินไปกดปุ่มเปลี่ยนช่องที่ตัวเครื่อง เขาคิดในใจว่ารอให้เธอออกมาจากห้องน้ำก่อนแล้วจะเอ่ยถาม เธออาจจะวางมันไว้ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้ เขาแน่ใจอย่างนั้น...แล้วเขาก็กลับมานอนดูทีวีต่อ...แล้วก็ลืมเรื่องนั้นไป

คุณอาจคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไร้สาระใช่ไหม
แต่รอจนวันที่คุณทำรีโมทฯ สักอันในห้องนอนหายดูก่อนเถอะ
ไม่ว่าจะเป็นรีโมทฯ แอร์, พัดลม, ทีวี, สเตอริโอ, ดีวีดี, วีซีดี, วีดีโอ, ยูบีซี...
หรืออะไรก็ตามทีเถอะ...รอให้ถึงวันนั้นก่อน...แล้วคุณจะเข้าใจ...

คนรักของนพรุจอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ล้มตัวลงนอนดูทีวีเคียงข้างเขา...ผ่านไปสิบนาที เธอเริ่มเบื่อกับรายการถ่ายทอดสดฟุตบอลตรงหน้า นั่นเป็นครั้งที่สองที่การค้นหารีโมทฯ ทีวีของพวกเขาเริ่มต้นขึ้น แต่ภาระหนักตกอยู่กับหล่อนที่เป็นฝ่ายต้องการเปลี่ยนช่องเสียมากกว่า นพรุจซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับเกมการแข่งขันจึงไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจนัก...หล่อนค้นดูใต้หมอน ใต้ผ้าห่ม ตามซอกขอบเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง หลังตู้เย็น ในตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไร้วี่แววของมัน...ก็แน่ล่ะ พวกเขาจะไปเจอได้อย่างไร คุณเองก็รู้ดีนี่ว่ามันวางอยู่ที่ไหน...ไม่นานหล่อนก็ยอมแพ้ ล้มตัวลงนอนตามด้วยเสียงบ่นกระปอดกระแปด ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เอะใจ ผ่านไปอีกยี่สิบกว่านาที ตอนที่ฟุตบอลจบแล้วนั่นล่ะ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัว เมื่อต้องการจะเปลี่ยนช่องแต่ไม่มีรีโมทฯ อยู่ข้างกาย...

รีโมทฯ เป็นวัตถุทรงสี่เหลี่ยมๆ ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก สันฐานค่อนข้างแบน
ดูไม่น่าจะสลักสำคัญอะไรกับคนเรามากนัก แต่กลับมีอิทธิพลต่อวิถีการดำรงชีวิต
ของผู้คนในปัจจุบันได้อย่างประหลาด...มันคล้ายจะหลอมรวมเป็นอวัยวะส่วนที่
สามสิบสามของมนุษย์ไปเสียแล้ว คุณย่อมไม่รู้สึกหรอก หากว่ายังมีมันอยู่ข้างกาย
ความเคยชินทำให้คุณเห็นเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากวันหนึ่งมันหายไป...

คนรักของเขาผล็อยหลับไปแล้ว หล่อนกำลังจมดิ่งลงสู่ห้วงนิทราอย่างเป็นสุข ในขณะที่นพรุจกำลังเริ่มค้นหามันอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน...นั่นเป็นครั้งที่สามแล้ว แน่นอนล่ะว่าเขาต้องหาไม่เจอ ก็เขาหาผิดที่นี่นา คุณเองก็รู้ดีว่าเขาวางมันไว้ที่ไหน ในที่สุด เขาก็เดินไปเปลี่ยนช่องที่ตัวเครื่องอีกครั้งอย่างยอมจำนน ก่อนล้มตัวลงนอนจ้องจอสี่เหลี่ยมนั่นอีกครั้ง...เรื่องน่าจะผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไร หากเพียงแต่ว่าเขาจะเป็นคนที่นอนหลับได้ง่ายๆ เหมือนคนทั่วไป แค่ล้มตัวลงนอนปิดตาหลับให้เต็มสักตื่น ฟื้นขึ้นมาค่อยค้นหามันใหม่อย่างมีสติดีๆ จนถี่ถ้วนทั่วทั้งห้อง ก็น่าจะเจอได้ไม่ยากนัก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ นพรุจเป็นคนที่มีปัญหากับการนอนหลับมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเป็นคนที่นอนหลับยากมากๆ อย่างผิดมนุษย์มนาโดยทั่วไป ถ้าไม่เพลียหรือง่วงจริงๆ แล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางจะข่มตาลงได้ง่ายๆ เลย...

ไม่มีใครรู้แน่ชัดนัก ถึงสาเหตุที่ทำให้เรื่องดังกล่าวบานปลายใหญ่โต กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว...อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไป หรือปมด้อยในวัยเด็กสักอย่างที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของนพรุจก็เป็นได้ หรืออิทธิพลที่รีโมทคอนโทรลอันนั้นมีอยู่ อาจเหนือกว่าสัมปชัญญะของเขาในขณะนั้นก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน...จังหวะนี้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น...อำนาจของมันอาจมีอยู่จริง และมหาศาลเสียจนทำให้เขาต้องตกเป็นทาสเป็นเบี้ยล่างของมันได้ หรือว่ามันอาจเกิดจากความอ่อนแอและขี้เกียจของเขาเองนั่นแหละ ที่ทำให้เขายอมตนตกอยู่ใต้อำนาจของมันอย่างเต็มใจ...

ในตอนนั้น นพรุจไม่มีสติปัญญาจะคิดหาคำตอบหรอก เขารู้เพียงแค่ว่า...ภาพของคนรักที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข คลออยู่ด้วยเสียงกรนในลำคอเบาๆ ที่ตรงหน้า ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาหารีโมทฯ จนทั่วห้อง อย่างหงุดหงิดงุ่นง่านเป็นครั้งที่หกแล้วนั้น ช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจเขาเป็นยิ่งนัก...ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนใดกันที่สิงสู่ดลใจให้นพรุจกระทำลงไปเยี่ยงนั้น จู่ๆ เขาก็เขย่าตัวเธออย่างแรงเพื่อให้รู้สึกตัวตื่นอย่างไม่มีเหตุผล หล่อนสะดุ้งผวาลุกขึ้นนั่งสุดตัวอย่างคนที่เพิ่งตกใจตื่นจากฝันร้าย...แน่นอนล่ะว่าหลังจากนั้น ถ้อยคำผรุสวาทมากมายต้องทยอยออกจากปากของหล่อนเป็นชุด เป็นใครๆ ก็ต้องโกรธด้วยกันทั้งนั้น หากถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ หล่อนอาจจะกำลังหลับฝันถึงกิ๊กคนที่ยี่สิบแปดอยู่ก็ได้ ใครจะรู้...

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือการทำสงครามน้ำลายระหว่างคนสองคนท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปโทษกันมาอยู่อย่างนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เดรัจฉานนับสิบๆ ตัววิ่งเพ่นพล่านอยู่กลางห้องระหว่างเขาและเธอ แต่กระนั้นทั้งคู่ก็ยังคงร่วมกันค้นหารีโมทฯ เจ้ากรรมจนทั่วห้องอยู่โดยตลอด ไคลแม็กซ์ของเหตุการณ์นี้อยู่ตรงที่ ตอนที่เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำนั่นแหละ คุณเองก็รู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม...

วินาทีที่คนรักของนพรุจยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาดังๆ แต่สั้นกระชับได้ใจความที่ขุ่นมัวในอารมณ์ว่า “อยู่นี่ไง”...เป็นวินาทีเดียวกับที่โลกแทบจะทั้งใบของนพรุจ ล้มครืนพังทลายระเนระนาดลงมาอย่างไม่เป็นท่า...ต่อหน้าต่อตาของเขา ถึงตอนนี้ ใบหน้าหัวหูของนพรุจเปลี่ยนจากซีดเผือดกลายเป็นแดงก่ำอย่างกับเทพกวนอู มันยิ่งกว่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเสียอีก มันเป็นมากกว่านั้น...

ชั่ววินาทีนั้น พลันเหมือนนพรุจจะเข้าสู่ห้วงนิพพานชั่วขณะเลยทีเดียว สิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คล้ายกับว่าตอนนั้นเขามองเห็นและเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ ไปเสียทั้งหมด ดวงตาเขามองเห็นธรรมในทันใด ว่าตัวเองนั้นตกเป็นทาสเบื้องล่างของ “มัน” ได้อย่างไร ดั่งนีโอถูกปลุกให้ฟื้นตื่นจากโลกของแมทริกซ์ แล้วค้นพบทางสว่างอย่างแท้จริงเป็นสัจธรรมดิจิตอลยังไงยังงั้น...นพรุจจึงไม่รีรออีกต่อไป ก้าวอาดๆ เดินตรงเข้าไปหาคนรักของเขา ก่อนคว้ารีโมทฯ ระยำนั่นมากำไว้ในมือแน่น จากนั้นรวบรวมพละกำลังทั้งหมดมาไว้ที่แขนขวา ก่อนเขวี้ยงมันออกไปนอกหน้าต่างอย่างสุดแรงเกิด ชั่วสามวินาทีต่อมาจึงได้ยินเสียงของมันตกกระทบลงกับพื้นถนนเบื้องล่าง แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ...เขาสาบานกับตัวเองในตอนนั้น ว่าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีกต่อไป...

เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดก็มีแค่นี้...และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้นพรุจต้องมายืนลุกลี้ลุกลน อยู่บริเวณร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าตลาดสดในขณะนี้ หากเป็นคุณก็คงไม่ยาก แค่ชี้สิ่งที่ต้องการจะซื้อ จ่ายเงินแล้วเดินจากไปใช่ไหม แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ...นี่นพรุจนะไม่ใช่คุณ และคุณก็ไม่ใช่นพรุจ จะหวังให้เหมือนๆ กันคงไม่ได้หรอก...เขาเป็นคนชัดเจน ไอ้เรื่องจะให้ปรับเปลี่ยนจุดยืนทางความคิดกันง่ายๆ เป็นไม้หลักปักเลนน่ะ เขาทำไม่ได้หรอก มันละอายใจเกินไป...ยิ่งจะให้คนอย่างเขาทำอะไรที่เป็นการกลืนคำพูดตัวเอง เหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้า รอเวลาให้มันตกลงมาโดนหน้าตัวเองด้วยแล้ว เขายิ่งรับไม่ได้ใหญ่...ใช่...เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่า ชาตินี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยว จะไม่ยอมตกเป็น “ทาส” ของ “มัน” อีกครั้ง...

คิดได้ดังนั้น...เขาจึงทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้นแล้วขยี้มันด้วยปลายเท้าอย่างเด็ดเดี่ยว ก่อนเดินย้อนกลับไปที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหน้าตลาดสดนั่นอีกครั้ง เขาสบสายตากับพนักงานขายคนเดิมนิดหนึ่ง แล้วเลื่อนสายตาลงมายังตู้กระจกที่เบื้องหน้า จากนั้นจึงเปล่งเสียงออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ชัดถ้อยและชัดคำ และแน่นอน...ต้องชัดเจนด้วย...ประโยคนั้นฟังได้ใจความว่า

“ขอซื้อรีโมทฯ ทีวีอันนี้หน่อยครับ”

........................................

(ภาพ : Anonymous ที่มา : อินเทอร์เน็ต)

All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak