ความเรียงเกี่ยวกับภาพยนตร์ : City of God
City of God-เมืองแห่ง(การถูกลืมจาก)พระเจ้า
คุณเคยมีมโนทัศน์แบบผมบ้างไหมว่า...ภาพของความรุนแรงหลายหลากรูปแบบ ทั้งยิงกันจนเลือดสาด ฟันกันจนหัวแบะ และอาชญากรรมอันป่าเถื่อนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเกมคอมพิวเตอร์ คงเป็นแต่เพียงโลกสมมติในจินตนาการ ที่โปรแกรมเมอร์ผู้เขียนเกมต่างๆ เหล่านั้น เป็นผู้สรรสร้าง ต่อเติม ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นให้โหดร้ายเกินจริง ให้เลือดท่วมจอเจิ่งนองเต็มพื้นเกินจริง เพื่อประโยชน์แห่งการเสพรับเอาอรรถรสของความสนุก จากการเป็นผู้ไล่ล่าได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย...
...แน่นอนสินะ...มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เลย...ก็พื้นที่ตรงส่วนไหนบนโลกนี้กันเล่าที่มันจะโหดร้าย ป่าเถื่อนและทารุณได้เหมือนอย่างในเกม... เมืองบ้าๆ แบบไหนกัน...ที่มันจะมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เที่ยวควงปืน .38 กระบอกโต ออกปล้นชาวบ้านร้านรวงอย่างเห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดา...ไม่มีเสียล่ะ...ฮะๆ ๆ...บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะโว้ย...
หากคุณเคยคิดอย่างนั้น ผมแนะนำว่าคุณควรดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง !
“พวกเจ้ายังอยู่ในเมืองแห่งพระเจ้าทำไม...ในเมื่อพระเจ้าลืมเลือนพวกเจ้าไปแล้ว” คำพูดจากปากของตัวละครหนึ่งยังดังก้องอยู่ในหัว ไม่รู้ทำไมผมเลือกที่จะจำประโยคนี้ แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่ามันช่วยสรุปอย่างเสียดสี ถึงนาฏกรรมอันงี่เง่า โหดร้าย และไร้สาระในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี...บ่อยครั้ง บ่อยหน ที่ชะตากรรมช่างเล่นตลกฝืดๆ กับมนุษย์บางจำพวกเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนจน หากคุณรับรู้ว่ามนุษย์คนหนึ่งเกิดมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย ปากกัดตีนถีบ และแน่นอน...ยากจน วันหนึ่งเขาโตขึ้นมาเป็นหนุ่มน้อย ริอาจเรียน
รู้ปืนผาหน้าไม้ตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเขาก็เริ่มปล้นเพราะความอดอยากปากแค้น แล้ววันหนึ่งเขาก็เริ่มฆ่า...เมื่อมีนัดที่หนึ่งก็มีนัดที่สอง-สาม-สี่ตามมา...จนนับไม่ถ้วน เวลาผ่านไปเขาพัฒนาไปสู่เด็กเดินยา...หัวหน้าสาขา...ผู้ค้ายารายใหญ่...และกลายเป็นอาชญากรเต็มตัวในที่สุด
คุณจะตราหน้าว่าเขาคนนั้นเลวโดยสันดานไหม...อาจจะใช่...มนุษย์เราจะดีหรือเลวย่อมขึ้นอยู่กับตัวของเขาเลือกเอง...แล้วถ้าหากมีคนอย่างนี้นับแสนนับล้านคนล่ะ...หรืออาจจะไม่ใช่...มนุษย์อาจมีศักยภาพที่จะเอาชนะข้อจำกัดของตนเองได้ แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมดและอาจไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้...บางคนที่อ่อนแอกว่าอาจยอมตนให้ถูกพัดพาไปตามยถากรรม ล่องไปบนชะตากรรมอันไม่รู้จุดหมายตามแต่ที่มันจะพาไป ขอเพียงให้ท้องอิ่มเข้าไว้ก่อน...จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของสันดานหรือสิ่งแวดล้อมกันแน่...แต่คงไม่สำคัญ...สำหรับผมแล้วกระทั่งคนที่เลวที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็ยังเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์อยู่ดี...
City of God เป็นหนังอาชญากรรมที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้ดูในรอบหลายปีมานี้เลยทีเดียว ไม่น่าแปลกใจหากหนังจากบราซิลเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังในดวงใจของบรรดา movie mania หลายๆ คน ในเมื่อมันประกอบไปด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด มุมกล้องแปลกๆ ที่ไม่ได้สักแต่ว่าจะทำเท่ หากตั้งใจจะเสนอภาพอย่างสื่อความหมายที่มีนัย การเขียนบทที่ละเมียดละไมเปี่ยมอารมณ์เสียดเย้ย และรู้จักที่จะนำเอาอารมณ์ขันมาสกัดเนื้อเรื่องที่รุนแรงหนักหน่วงเป็นระยะๆ หนังเล่าเรื่องย้อนไปในยุค 60 ผ่านร็อคเก็ตเด็กหนุ่มนิโกรที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นช่างภาพ เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวจนๆ ภายในสลัมแห่งหนึ่งชานเมืองริโอ เดอ จาเนโร
สลัมที่ไหนๆ ในโลกก็มักจะมีสภาพที่คล้ายคลึงกันคือเปี่ยมไปด้วยความยากจน ความขัดแย้งของผู้คนอันเกิดจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดซึ่งนำไปสู่ปัญหาการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่อีกต่อหนึ่ง ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นล้วนมีความเกี่ยวพันและร้อยรัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างแยกไม่ออก ปัญหาหนึ่งนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่ง...และอีกปัญหาหนึ่งๆ ๆ ๆ...แต่ทั้งหมด...ล้วนเกิดมาจากต้นตอเดียวกันคือความจนและความไม่เท่าเทียม...
ผมไม่แปลกใจเลยเมื่ออ่านเจอข้อความตอนท้ายเรื่องว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริง...
เมื่อดูจบคุณอาจจะพบกับความจริงบางอย่างเหมือนกับผมก็ได้ว่า...บนโลกของเรานี้ช่างเต็มไปด้วย
“City of God”
..............................................................
(ภาพ : Anonymous ที่มา : อินเตอร์เน็ต)
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
คุณเคยมีมโนทัศน์แบบผมบ้างไหมว่า...ภาพของความรุนแรงหลายหลากรูปแบบ ทั้งยิงกันจนเลือดสาด ฟันกันจนหัวแบะ และอาชญากรรมอันป่าเถื่อนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของเกมคอมพิวเตอร์ คงเป็นแต่เพียงโลกสมมติในจินตนาการ ที่โปรแกรมเมอร์ผู้เขียนเกมต่างๆ เหล่านั้น เป็นผู้สรรสร้าง ต่อเติม ปั้นแต่งเรื่องราวขึ้นให้โหดร้ายเกินจริง ให้เลือดท่วมจอเจิ่งนองเต็มพื้นเกินจริง เพื่อประโยชน์แห่งการเสพรับเอาอรรถรสของความสนุก จากการเป็นผู้ไล่ล่าได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย...
...แน่นอนสินะ...มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เลย...ก็พื้นที่ตรงส่วนไหนบนโลกนี้กันเล่าที่มันจะโหดร้าย ป่าเถื่อนและทารุณได้เหมือนอย่างในเกม... เมืองบ้าๆ แบบไหนกัน...ที่มันจะมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เที่ยวควงปืน .38 กระบอกโต ออกปล้นชาวบ้านร้านรวงอย่างเห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดา...ไม่มีเสียล่ะ...ฮะๆ ๆ...บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะโว้ย...
หากคุณเคยคิดอย่างนั้น ผมแนะนำว่าคุณควรดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง !
“พวกเจ้ายังอยู่ในเมืองแห่งพระเจ้าทำไม...ในเมื่อพระเจ้าลืมเลือนพวกเจ้าไปแล้ว” คำพูดจากปากของตัวละครหนึ่งยังดังก้องอยู่ในหัว ไม่รู้ทำไมผมเลือกที่จะจำประโยคนี้ แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่ามันช่วยสรุปอย่างเสียดสี ถึงนาฏกรรมอันงี่เง่า โหดร้าย และไร้สาระในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี...บ่อยครั้ง บ่อยหน ที่ชะตากรรมช่างเล่นตลกฝืดๆ กับมนุษย์บางจำพวกเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนจน หากคุณรับรู้ว่ามนุษย์คนหนึ่งเกิดมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย ปากกัดตีนถีบ และแน่นอน...ยากจน วันหนึ่งเขาโตขึ้นมาเป็นหนุ่มน้อย ริอาจเรียน
รู้ปืนผาหน้าไม้ตั้งแต่เด็ก แล้ววันหนึ่งเขาก็เริ่มปล้นเพราะความอดอยากปากแค้น แล้ววันหนึ่งเขาก็เริ่มฆ่า...เมื่อมีนัดที่หนึ่งก็มีนัดที่สอง-สาม-สี่ตามมา...จนนับไม่ถ้วน เวลาผ่านไปเขาพัฒนาไปสู่เด็กเดินยา...หัวหน้าสาขา...ผู้ค้ายารายใหญ่...และกลายเป็นอาชญากรเต็มตัวในที่สุด
คุณจะตราหน้าว่าเขาคนนั้นเลวโดยสันดานไหม...อาจจะใช่...มนุษย์เราจะดีหรือเลวย่อมขึ้นอยู่กับตัวของเขาเลือกเอง...แล้วถ้าหากมีคนอย่างนี้นับแสนนับล้านคนล่ะ...หรืออาจจะไม่ใช่...มนุษย์อาจมีศักยภาพที่จะเอาชนะข้อจำกัดของตนเองได้ แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมดและอาจไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้...บางคนที่อ่อนแอกว่าอาจยอมตนให้ถูกพัดพาไปตามยถากรรม ล่องไปบนชะตากรรมอันไม่รู้จุดหมายตามแต่ที่มันจะพาไป ขอเพียงให้ท้องอิ่มเข้าไว้ก่อน...จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของสันดานหรือสิ่งแวดล้อมกันแน่...แต่คงไม่สำคัญ...สำหรับผมแล้วกระทั่งคนที่เลวที่สุดในหนังเรื่องนี้ ก็ยังเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์อยู่ดี...
City of God เป็นหนังอาชญากรรมที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ผมได้ดูในรอบหลายปีมานี้เลยทีเดียว ไม่น่าแปลกใจหากหนังจากบราซิลเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังในดวงใจของบรรดา movie mania หลายๆ คน ในเมื่อมันประกอบไปด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ชาญฉลาด มุมกล้องแปลกๆ ที่ไม่ได้สักแต่ว่าจะทำเท่ หากตั้งใจจะเสนอภาพอย่างสื่อความหมายที่มีนัย การเขียนบทที่ละเมียดละไมเปี่ยมอารมณ์เสียดเย้ย และรู้จักที่จะนำเอาอารมณ์ขันมาสกัดเนื้อเรื่องที่รุนแรงหนักหน่วงเป็นระยะๆ หนังเล่าเรื่องย้อนไปในยุค 60 ผ่านร็อคเก็ตเด็กหนุ่มนิโกรที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นช่างภาพ เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวจนๆ ภายในสลัมแห่งหนึ่งชานเมืองริโอ เดอ จาเนโร
สลัมที่ไหนๆ ในโลกก็มักจะมีสภาพที่คล้ายคลึงกันคือเปี่ยมไปด้วยความยากจน ความขัดแย้งของผู้คนอันเกิดจากปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติดซึ่งนำไปสู่ปัญหาการคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่อีกต่อหนึ่ง ปัญหาต่างๆ เหล่านั้นล้วนมีความเกี่ยวพันและร้อยรัดรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างแยกไม่ออก ปัญหาหนึ่งนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่ง...และอีกปัญหาหนึ่งๆ ๆ ๆ...แต่ทั้งหมด...ล้วนเกิดมาจากต้นตอเดียวกันคือความจนและความไม่เท่าเทียม...
ผมไม่แปลกใจเลยเมื่ออ่านเจอข้อความตอนท้ายเรื่องว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างมาจากเรื่องจริง...
เมื่อดูจบคุณอาจจะพบกับความจริงบางอย่างเหมือนกับผมก็ได้ว่า...บนโลกของเรานี้ช่างเต็มไปด้วย
“City of God”
..............................................................
(ภาพ : Anonymous ที่มา : อินเตอร์เน็ต)
All Rights Reserved.
2006 Copyright©Chartvut Bunyarak
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
<< หน้าแรก